กองทุน Passive Fund ได้รับการออกแบบมาให้ง่ายสำหรับการลงทุน เพื่อใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางช่วยสร้างความสมดุลให้แก่พอร์ต อีกทั้งนักลงทุนมือใหม่ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนโดยที่คาดหวังผลตอบแทนระยะยาวจากกองทุนได้ และเมื่อเทียบกับกองทุนประเภทอื่น กองทุนแบบ Passive Fund จะศึกษาและทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า นักลงทุนไม่ต้องเจาะลึกไปถึงหุ้นรายตัวมากนัก ขอเพียงศึกษาในเรื่องของดัชนีหุ้นให้เข้าใจ เพื่อการเลือกกองทุนที่เหมาะสม และถ้าหากนักลงทุนท่านใดยังไม่เข้าใจว่าควรเลือกกองทุนอย่างไร เรามีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก
ทำความเข้าใจถึงเป้าหมายหลักของกองทุน Passive Fund
กองทุน Passive Fund เป็นกองทุนรวมที่มีสไตล์เรียบง่ายและชัดเจน กองทุนประเภทนี้จะเน้นลงทุนเลียนแบบดัชนีที่ใช้อ้างอิงเท่านั้น หากเป็นหุ้นรายตัวอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ของดัชนี กองทุนแบบ Passive Fund จะไม่ทำการเข้าซื้อ ต่อให้หุ้นนั้น ๆ มีพื้นฐานดีเพียงใด หรือเป็นหุ้นเติบโตก็ตาม
5 เทคนิคเลือกกองทุน Passive Fund เพื่อผลลัพธ์การลงทุนที่ดี
ดังนั้นเมื่อกองทุน Passive Fund ไม่มีนโยบายจะใช้กลยุทธ์เพื่อเอาชนะตลาด นักลงทุนควรมีความรู้สำหรับใช้เป็นพื้นฐานในการเลือกกองทุน เพื่อให้ได้กองทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า และสามารถคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวได้
- ดูนโยบายการลงทุน
เพื่อให้มั่นใจว่า กองทุนที่เลือกนั้นมีการบริหารกองทุนแบบ Passive Fund จริง ๆ ในนโยบายการลงทุนที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ (Fund Fact Sheet) ควรมีรายละเอียดว่า กองทุนจะเข้าลงทุนในดัชนีอ้างอิงชนิดใด เช่น ลงทุนใน SET50 Index, SET100 Index หรือ CSI300 Index เป็นต้น
- ดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง จะไม่สามารถใช้บ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานในอนาคตได้ แต่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน Passive Fund ควรมีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับราคาประเมินมูลค่าของดัชนี หากพบว่ากองทุนมีการจ่ายผลตอบแทนที่สูงกว่า หรือต่ำกว่ามูลค่าประเมินมากเกินไป แสดงว่ากองทุนนั้น ๆ อาจไม่ได้บริหารแบบ Passive Fund เพราะอย่าลืมว่าเป้าหมายหลักของกองทุนประเภทนี้ คือ ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับมูลค่าประเมินให้มากที่สุด
- ดูค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับกองทุน Passive Fund เพราะเมื่อกองทุนมีเป้าหมายเน้นสร้างผลตอบแทนล้อไปกับตลาด อีกทั้งยังไม่มีกระบวนการวิเคราะห์เพื่อคัดเลือกหุ้น ดังนั้นทีมผู้บริหารและผู้จัดการกองทุนจึงไม่ได้มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญพิเศษเป็นจำนวนมากเหมือนกองทุนที่บริหารแบบต้องการเอาชนะตลาด ค่าธรรมเนียมจึงควรมีราคาถูก หากกองทุนแบบ Passive Fund กองใดมีค่าธรรมเนียมราคาแพง จะทำให้ผลตอบแทนที่ควรจะได้รับลดน้อยลง
- เลือกกองทุนที่รู้จักและมั่นใจ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่ไม่มีเวลาศึกษาเรื่องของกองทุนแบบ Passive Fund มากพอ เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีความคุ้นเคยกับดัชนีอ้างอิงที่มีความหลากหลายมากนัก สามารถเริ่มต้นลงทุนกับกองทุนดัชนีหุ้นไทยได้ ยกตัวอย่างเช่น
- SET Banking Index ดัชนีหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธนาคาร
- SET50 Index และ SET100 Index ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ และมีพื้นฐานดีกระจายไปในหลากหลายอุตสาหกรรม 50 หรือ 100 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ
- SET Energy Index ดัชนีหุ้นในกลุ่มพลังงาน
- เลือกระดับความเสี่ยงให้เหมาะสม
ถึงแม้กองทุน Passive Fund จะมีความเคลื่อนไหวไปตามกลไกของตลาด แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ตั้งแต่ระดับสูง ปานกลาง และต่ำ ดังนั้นการเลือกระดับความเสี่ยงให้เหมาะสม จึงหมายความว่าเลือกให้สอดคล้องกับความต้องการของตัวเอง หรือเลือกความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ การลงทุนจึงถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางแผนเอาไว้ โดยระดับความเสี่ยงก็มีระบุอย่างชัดเจนในหนังสือชี้ชวนด้วยเช่นกัน
วิธีการเลือกกองทุน Passive Fund ให้ตรงใจ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรยาก แต่ก็ห้ามละเลย เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง และความเสี่ยงจะสูงขึ้นทันทีถ้าไม่ศึกษาการลงทุนให้รอบคอบ ดังนั้นเพื่อให้การลงทุนสามารถสร้างผลแทนที่งอกเงย นักลงทุนควรพิจารณาแต่ละกองทุนโดยละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน และประการสำคัญคืออย่าลงทุนตามคนอื่น เพียงเพราะเห็นว่าได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะนักลงทุนแต่ละคนล้วนมีข้อจำกัดและความสามารถในการลงทุนที่แตกต่างกัน